จาก1ใน3ทันตแพทยศาสตร์ชั้นนำแห่งอาเซียน สู่การเป็น โรงเรียนทันตแพทย์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน

154 ครั้ง
จาก1ใน3ทันตแพทยศาสตร์ชั้นนำแห่งอาเซียน สู่การเป็น โรงเรียนทันตแพทย์ที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน

อธิการบดี มข เข้าเยี่ยมและรับฟังนโยบายคณะทันตแพทยศาสตร์ วางเป้าหมายจาก1ใน3ทันตแพทยศาสตร์ชั้นนำแห่งอาเซียน สู่การเป็น โรงเรียนทันตแพทย์ที่ดีที่สุด สำหรับทุกคนบนโลกใบนี้

“จาก1ใน3ทันตแพทยศาสตร์ชั้นนำแห่งอาเซียน สู่การเป็น โรงเรียนทันตแพทย์ที่ดีที่สุด สำหรับทุกคนบนโลกใบนี้” จากวิสัยทัศน์ที่ท้าทาย ก้าวสู่เป้าหมายที่ชัดเจน ปัจจุบันคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นคณะทันตแพทยศาสตร์ แห่งเดียวในประเทศ ที่ผ่านเกณฑ์ Expex 200 และมีนักเรียนเลือกสอบเข้า สูงสุดของประเทศไทย ซึ่งคณะทันตแพทยศาสตร์ มีพันธกิจในการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานวิชาชีพออกไปรับใช้สังคม สร้างผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีคุณภาพระดับนานาชาติ รวมไปถึงการบริการรักษาทางทันตกรรมขั้นสูงภายใต้มาตรฐานคุณภาพ และบริการวิชาการเพื่อพัฒนาวิชาชีพและพัฒนาสังคมให้ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 รองศาสตราจารย์ นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำทีมผู้บริหารมหาวิทยาลัย เข้าเยี่ยมและรับฟังนโยบายคณะทันตแพทยศาสตร์  มข. เพื่อรับฟังนโยบาย การบริหารองค์กร โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ทพญ.วรานุช ปิติพัฒน์ คณบดี พร้อมด้วยผู้บริหาร และบุคลากรคณะทันตแพทยศาสตร์ กว่า 50 คน ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมนิธิภาวี ศรีสุข ชั้น 5 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา

รองศาสตราจารย์ ดร.ทพญ.วรานุช ปิติพัฒน์ กล่าวว่า สมรรถนะหลักของคณะทันตแพทยศาสตร์ คือการผลิตบัณฑิตทันตแพทย์ที่มีความชำนาญด้านทันตสาธารณสุข และการบริการทางด้านทันตกรรมระดับตติยภูมิ ที่มีการบูรณาการกับสหสาขาวิชาทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านการศึกษาพัฒนาบัณฑิตให้พร้อมเป็นผู้นำแห่งอาเซียน  ปัจจุบันเราได้ดำเนินการด้านการบริหาร การวิจัย การรักษาทางทันตกรรม การสื่อสารองค์กร การสร้างความร่วมมือระดับนานาชาติ  การพัฒนาการเรียนการสอน และนอกจากนั้นในช่วงวิกฤตของโรคระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์โควิด-19 ทางคณะได้มีมาตรการการรักษาความปลอดภัยภายในคณะ การจัดคลินิกแบบใหม่ในยุคNew Normal รวมถึงการวางระบบระบายอากาศในคลินิกทันตกรรม พร้อมกับการปรับห้องเรียน ให้เป็น Smart Classroom มีการจัดอบรมให้กับคณาอาจารย์ภายในคณะ จัดหาทุนการศึกษา และอุปกรณ์เพิ่มเติมให้กับนักศึกษา ซึ่งปัจจุบันคณะทันตแพทยศาสตร์ มีความพร้อมต่อการพัฒนาการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์เป็นอย่างมาก

จากนั้น รองศาสตราจารย์ นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล รักษาการแทนอธิการบดี มข. กล่าวว่า “ขอชื่นชมกับการทำงานของคณะทันตแพทยศาสตร์ที่ผ่านมา ที่ได้ทุ่มเทในการพัฒนางานกันอย่างเต็มที่  โดยมีมาตรการคุมเข้มในการบริการทางทันตกรรมแก่ผู้ป่วยที่มารับบริการ มีการตรวจวัดสแกนบุคคลที่จะเข้ามาทำการรักษาอย่างละเอียด อีกทั้งบุคลากรของคณะยังมีการป้องกันตัวเองอย่างรอบคอบ นอกจากนี้อธิการบดี มข. ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางการพัฒนาของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ด้านวิสัยทัศน์ พันธกิจ ที่ทางคณะดำเนินการได้อย่างสอดคล้องทุกด้าน”

พร้อมกันนี้ รักษาการแทนอธิการบดี มข. ยังให้แนวทางการแก้ปญหา ด้านการเรียนการสอนในคลินิก ยุคโควิด-19 ควรมีการแบ่งนักศึกษาให้น้อยลง แล้วเพิ่มกลุ่มการเรียนให้มากขึ้น รวมถึงการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของคณะและมหาวิทยาลัย โดยมีนโยบาย Education Transformation ซึ่งจะดำเนินการโดยเปลี่ยน Teaching Paradigm เป็น Learning Paradigm จากเดิมที่อาจารย์เน้นการสอนมาเป็นเน้นการเรียน เพื่อให้บัณฑิตตอบโจทย์ผู้ใช้บริการและเป็นกระบวนการสร้างความคิดให้แก่ผู้เรียน, Lifelong learning การเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงการนำองค์ความรู้ระหว่างคณะมาบูรณาการร่วมกัน อาทิคณะทันตแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกันผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ตรงความต้องการของตลาด และตรงตามความต้องการของสังคมในยุคปัจจุบัน

คณะทันตแพทยศาสตร์แห่งภาคอีสาน ที่เชี่ยวชาญโรคช่องปาก เป็นเอกลักษณ์ของคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งมีบัณฑิตที่มีรู้ความสามารถ มีความรับผิดชอบ พร้อมที่จะทำงานรับใช้สังคม สิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้ คณะทันตแพทยศาสตร์ มข.ก้าวไปสู่การเป็น “โรงเรียนทันตแพทย์ที่ดีที่สุด สำหรับทุกคน” ในปี พ.ศ.2567 ซึ่งการจะเป็นไปได้นั้น จะต้องเกิดจากการร่วมมือจากหลายฝ่าย พร้อมกับการสร้างระบบให้สนับสนุนการทำงาน และการเรียนการสอน และสิ่งที่สำคัญยิ่งในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือทุกฝ่าย ทั้ง ผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา ต้องเข้าใจ พร้อมที่จะเปลี่ยน เพราะการประสบความสำเร็จครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การดำรงอยู่ในฐานะสถาบันการศึกษาเท่านั้น แต่ที่น่าภาคภูมิใจมากกว่านั้นคือ การมีคุณค่าต่อสังคม

ข่าว/ภาพ: บริพัตร ทาสี
ภาพปก: ปรีดี ศรีตระกูล